เกร็ดความรู้และข้อดี-ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ

Image result for สมาร์ทโฟน คือ
เกร็ดความรู้
ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่กล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง และยิ่งเทคโนโลยีนั้นถูกนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนมีผู้คนนับล้านบริโภคเทคโนโลยีดังกล่าว จนทำให้ขนาดของปัญหาใหญ่และสำคัญยิ่งขึ้น
       
ดังเช่น การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า  “โทรศัพท์มือถือ” ซึ่งเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมแพร่หลาย และเข้าถึงได้ง่ายในโลกปัจจุบัน ก็มีประเด็นให้ถกเถียงกันในแง่ปัญหาสุขภาพอยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยลักษณะการใช้งานของโทรศัพท์มือถือที่ต้องสัมผัสแนบศีรษะและหู เพื่อให้ได้ยินเสียง และพูดผ่านไมโครโฟนภายในเครื่อง เมื่อสนทนาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้น รวมถึงหลักการของสัญญาณคลื่นไมโคร เวฟที่นำมาใช้กับโทรศัพท์มือถือ ก็ได้ก่อให้เกิดความกังวลเรื่องความร้อนและพลังงานรังสี  จากเครื่องว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่อย่างไร?
       
ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนถึงผลกระทบของโทรศัพท์มือถือที่มีต่อสุขภาพ แต่ก็มีการวิจัยที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ในประเทศอังกฤษได้บอกไว้ว่า คลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือมีผลต่อสมอง ทำให้สมองมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามแบบ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ได้รวดเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลต่อการทำงานของสมองในแง่อื่น ๆ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอันตรายต่อสมอง
       
หากพิจารณาถึงความถี่ของคลื่นไมโครเวฟที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือก็พบว่าเป็นคน ละความถี่กันกับที่ใช้ในเตาไมโครเวฟสำหรับประกอบอาหาร รวมถึงกำลังในการส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือก็ต่ำมาก ความกังวลที่ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน แล้วจะเป็นเนื้องอกในสมอง ทำให้สมองเสื่อม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลงนั้น จึงยังไม่ควรวิตกกังวลไป อย่างไรก็ตาม การลดอัตราจากพลังงานความร้อนและรังสีจากโทรศัพท์มือถือ ได้มีการประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์สามารถสนทนาได้โดยไม่ต้องถือ โทรศัพท์แนบกับศีรษะหรือ สมอลล์ ทอล์ก ซึ่งก็มีประโยชน์ในการลดอันตรายขณะขับขี่ยานพาหนะ และลดความกังวลเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพได้ 
แต่หากกล่าวถึงการใช้งานโทรศัพท์มือถือในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เพื่อติดต่อสื่อสารพูดคุยโดยทั่วไป ผู้ใช้จำเป็นต้องมองหน้าจอโทรศัพท์บ้างไม่มากก็น้อย แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีมากมายถูกนำมารวมไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวกและประโยชน์ใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ การถ่ายภาพ การจัดเอกสารข้อมูล รวมไปถึงการดูโทรทัศน์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมต่าง ๆ เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานต้องมองหน้าจอมือถือมากขึ้น จึงเป็นที่น่าสนใจว่าการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือนาน ๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพสายตาหรือไม่ อย่างไร? ก่อนจะทราบถึงผลกระทบของการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ คงต้องอธิบายถึงส่วนประกอบและการทำงานของหน้าจอโทรศัพท์มือถือกันก่อน
       
เริ่มต้นที่ส่วนของหน้าจอ ซึ่งเป็นส่วนแสดงผลของโทรศัพท์ มือถือ หน้าจอที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเป็นชนิด แอลซีดี (ลิควิดคริสตัล ดิสเพลย์) ซึ่งประกอบไปด้วยชั้นบาง ๆ ระดับความหนาเป็นไมครอนมาประกอบกันหลายชั้น คำถามก็คือ..การเกิดภาพให้เห็นบนหน้าจอแสดงผลได้นั้นทำได้อย่างไร สามารถอธิบายได้ต่อไปนี้
       
1. ส่วนให้แสงสว่าง จะอยู่ลึกที่สุด ทำหน้าที่ให้แสงหรือความสว่าง โดยอาจใช้หลอดไฟเป็นแบล็กไลต์ หรือในจอรุ่นใหม่ ๆ แต่ละจุดบนหน้าจอจะปล่อยแสงออกมาได้ด้วยตัวเอง แสงที่เกิดขึ้นนี้จะส่องผ่านรูเล็ก ๆ ขึ้นมานับพันรู ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าจอ
       
2. ส่วนควบคุมการแสดงผล มีลักษณะเป็นแผ่นวงจรมากมายที่ประมวลผลการแสดงออกมาว่าจะเป็นรูปอะไร แบบใด เช่น ให้เป็นเลข 9 หรือเป็นตัวอักษร ก.
       
3. ส่วนแสดงผล เป็นส่วนที่เป็นที่มาของชื่อหน้าจอแอลซีดี เพราะในส่วนนี้จะมีลิควิด คริสตัล หรือคริสตัลเหลว เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดภาพ และมีส่วนของคัลเลอร์ ฟิลเตอร์ เป็นตัวกำหนดสี การเกิดภาพโดยคริสตัลเหลว ทำได้โดยการปล่อยกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ไฟฟ้าขึ้น คริสตัลเหลวจะจัดเรียงตัวไปปิดรูที่แสงส่องผ่านตามที่ส่วนควบคุมการแสดงผล กำหนด ทำให้เห็นเป็นภาพขึ้นมา จากนั้นแสงจะผ่านคัลเลอร์ ฟิลเตอร์ กำหนดเป็นสีต่าง ๆ เช่น เห็นอักษร A เป็นแบบตัวเอียงและมีสีน้ำเงิน เป็นต้น 
จากส่วนประกอบดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า จอโทรศัพท์มือถือที่ให้ความสว่างที่เหมาะสม การประมวลผลรวดเร็ว การทำงานของคริสตัลเหลวมีประสิทธิภาพ และหน้าจอมีความละเอียดมาก ก็จะให้ภาพที่คมชัด และเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เทคโนโลยีเก่ามีราคาถูกลง โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่หน้าจอแสดงผลคมชัด มีสีสันสวยงาม จึงมีราคาไม่แพง และเป็นที่นิยม
       
ดังที่กล่าวมาแล้วว่าปัจจุบันประโยชน์ใช้สอยของโทรศัพท์มือถือมีมากกว่าการ สนทนาระหว่างบุคคล รูปแบบการใช้งานผ่านหน้าจอโทรศัพท์จึงมีมากขึ้น และระยะเวลาในการใช้งานนานขึ้น บางครั้งก็มีอาการหรือความรู้สึกผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการมองเกิดขึ้น จึงเกิดประเด็นสงสัยถึงผลกระทบด้านสุขภาพตาในการมองจอโทรศัพท์มือถือเป็น เวลานาน ๆ
   
 ปัญหาทางตาที่พบบ่อยได้แก่ การปวดเมื่อยตา สายตาล้า ภาพไม่ชัดเมื่อเปลี่ยนระยะมอง หรือเมื่อเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ รู้สึกแสบตา ตาแห้ง ตาพร่า ไปจนถึงการกลัวว่ามองหน้าจอโทรศัพท์นาน ๆ แล้วจอประสาทตาจะเสื่อม เป็นต้อกระจก ต้อหิน ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายโดยแยกเป็นประเด็นต่าง ๆ ได้ดังนี้
       
1.อันตรายต่อดวงตาในแง่ความร้อนและรังสีจากโทรศัพท์มือถือขณะกำลังใช้งาน หน้าจอ อาจกล่าวได้ว่ามีอันตรายน้อยมาก เนื่องจากขณะใช้งาน เราถือโทรศัพท์ไว้ที่ระยะการมองชัด (ระยะอ่านหนังสือ) โดยอยู่ห่างจากศีรษะและดวงตาประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งห่างมากพอที่พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นและพลังงานจากรังสีในย่านความ ถี่ไมโครเวฟที่มีกำลังส่งต่ำอยู่แล้ว จะส่งกระทบต่อตาน้อยมาก และจากข้อมูลในปัจจุบัน ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือมีผลทำให้เกิดโรคทางตาที่ มีผลต่อการสูญเสียการมองเห็น ประมวลจากองค์ความรู้ในขณะนี้ ไม่พบหลักฐานว่าการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ทำให้เกิดจอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก และต้อหิน
       
2.อาการต่าง ๆ ที่พบได้แก่ ปวดล้า ตาพร่า ปรับระยะภาพไม่ชัด แสบตา ตาแห้ง อาการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นผลจากการใช้สายตาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับการใช้สายตาทั่วไป ไม่เฉพาะกับการมองจอโทรศัพท์มือถือเท่านั้น อาการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุของผู้ใช้ การเพ่งมอง ระดับการมองเห็นของแต่ละคน ความผิดปกติของค่าสายตาที่มีอยู่เดิม ความสว่างของหน้าจอ ขนาดของหน้าจอ ระยะเวลาหรือความถี่ในการใช้งานผ่านหน้าจอโทรศัพท์ เป็นต้น

ข้อดี-ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ
ข้อเสีย
1.ทำให้เสียอารมณ์ หากโทรศัพท์มือถือดังในช่วงที่คุณต้องการความสงบ มีสมาธิ  หรือเวลาอะไรก็ตามที่คุณมีความสุข
2.ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ว่าได้ยินเสียงโทรเข้ามา
3.ทำให้เกิดอาชญากรรมอันถึงแก่ชีวิตได้ หากโทรศัพท์ของคุณสะดุดเข้าตาโจร
4.ทำให้อารมณ์ร้อนของคุณ มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะคุณจะใช้การโทรศัพท์ในการเติมเชื้อไฟ มากว่าจะอยู่กับตัวเองทบทวนปัญหา
5.ทำให้คุณโกหกมากยิ่งขึ้น  เช่น หากแฟนถามว่าอยู่ใหน คงไม่มีใครตอบตรงๆว่าอยู่กับกิ๊ก
6.ทำให้สมองของคุณ ฟ่อลง คุณจะพึงพาความจำของเครื่องโทรศัพท์แทน เช่น เบอร์โทรต่างๆ
7.ทำให้สังคมของคุณ แคบลง เพราะเมื่อคุณหลงทาง คุณคงโทรหาเพื่อน มากกว่าที่จะถาม คนข้างๆที่ไม่รู้จัก
8.ทำให้เป็นภาระทางใจ  เช่นกลัวว่าจะหาย  กลัวจะลืมไว้บ้าน  กลัวพัง กลัวหล่น กลัวตกรุ่น กลัว.........
9.ทำให้เป็นภาระทางการเงิน ต้องหาเงินมาจ่ายค่าโทร
10.ทำให้คุณสูญเสีย อวัยวะได้ หากใช้แบตฯปลอม
อืม ยังมีอีกเยอะ  ให้ท่านอื่นได้ตอบบ้าง

ข้อดี
1.ใช้สื่อสารทางไกลสื่อสารรวดเร็ว (ดีที่สุดล่ะ)
2.เดี๋ยวนี้มือถือทำได้เกือบทุกอย่างสื่อสาร ส่งข่าวสาร ถ่ายรูป ท่องเน็ต อีกเยอะ
3.เอาไว้ฟังเพลง
4.ใช้เป็นนาฬิกาปลุกกะเครื่องคิดเลข
5.โทรศัพมือถือมีประโยชน์สารพัดอย่างสะดวกสบายเยอะแยะไปหมดอธิบายไม่ถูกเลยละ...

ผลกระทบของโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะที่ส่งผลเสียต่อผู้ใช้

1) ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้   โดยปกติแล้วโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะจะมีขนาดเล็ก ผู้ใช้ต้องกดตัวอักษรบนหน้าจอด้วยนิ้วโป้ง จะต้องงอ และเกร็งนิ้วโป้งทั้ง ข้างเป็นประจา การกระทาในลักษณะเช่นนี้บ่อยๆอาจส่งผลทาให้เป็นโรคในกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้ง และการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือจนทาให้เกิดอาการนิ้วโป้งล็อกนอกจากนี้ยังส่งผลทาให้เกิดอาการปวดบ่าและคอ เนื่องจากกล้ามเนื้อบ่าจะทางานในลักษณะเกร็งคงค้าง นอกจากปัญหาดังข้างต้นแล้วยังพบอีกว่าการที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถืออัจฉริยะเป็นเวลานานติดต่อกัน เสี่ยงต่อการเป็น โรคเนื้องอกในสมอง” เป็นผลมาจากการวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างศีรษะเวลานอน
2) ทำให้ผู้ใช้ยึดติดกับเทคโนโลยีเกินความจาเป็น ด้วยความฉลาดของโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะที่สามารถทากิจกรรมต่างๆผ่านอุปกรณ์การสื่อสารบนฝ่ามือ ไม่ว่าจะเป็น เล่นเกม เช็ครอบภาพยนตร์ รับ-ส่งอีเมล์ ถ่ายรูป ฟังเพลง ฯลฯ ทาให้ผู้ใช้เกิดพฤติกรรมติดที่เกินความจาเป็นอันจะส่งผลกระกบต่อกิจวัตรประจำวัน การใช้งานบนโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีไว้เล่นเกมมากที่สุดถึง 64% อันดับ ไว้ดูข้อมูลสภาพอากาศอยู่ที่ 60% อันดับที่ คือติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆผ่านทาง Social Network อยู่ที่ 56% ตามลาดับ เกือบ 60% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถืออัจฉริยะ อดใจไม่ได้ครบ ชั่วโมง ก็ต้องหยิบมือถือมาเช็คเป็นระยะๆ ส่วน 54% มีภารกิจเช็คมือถือแม้จะอยู่บนเตียงนอน ไม่ว่าจะก่อนหลับ หลังจากตื่นนอน หรือระหว่างค่าคืน ขณะที่ราว ใน ต้องลุกขึ้นมาตรวจสอบความเคลื่อนไหวบนโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะ ทั้งที่เพิ่งเสร็จจากกิจกรรมเข้าจังหวะกับคู่รัก และเกือบๆ 40% ยอมรับว่าแอบใช้มือถือในระหว่างเข้าห้องน้า อีก 30% เช็คโทรศัพท์ระหว่างกินข้าวกับคนอื่น และ 9% ใช้มือถือในระหว่างประกอบพิธีทางศาสนา
                3) ทาให้ผู้ใช้สมาธิสั้น รวมทั้งมีพฤติกรรมหยาบคายและเป็นอันตราย ยกตัวอย่างเช่น การส่งข้อความขณะขับขี่รถ โดยราว 1 ใน 4 ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถืออัจฉริยะยอมรับว่าแอบเช็คมือถือในระหว่างนั่งหลังพวงมาลัย จากการศึกษาของ OnlineSchools.com (2012) พบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตนับล้านคนที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นในขณะใช้โทรศัพท์มือถือช่วงที่ขับรถถึง 20%

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม